#แวะชมสมบัติศิลป์

สักการะจตุรสังเวชนียสถาน วัดจองคำพระอารามหลวง

ภาคภูมิ น้อยวัฒน์ เรื่อง สุรพล สุภาวัฒนกุล ภาพ

“วัดจองคำ” ชื่อนี้ถูกจดจำอยู่ในใจผมมาตั้งแต่ครั้งสมัยยังเป็นนิสิตเรียนมหาวิทยาลัย เพราะครั้งหนึ่งได้ไปเที่ยว “เมืองโบราณ” ที่บางปู แล้วได้ไปสะดุดตาเข้าอาคารขนาดใหญ่สร้างจากไม้สักทั้งหลัง ดูแปลกด้วยหลังคาทรงสูงซ้อนกันหลายชั้นฉลุลวดลายละเอียดละอองามตา อ่านดูข้อมูลแล้วปรากฏว่าเป็นวิหารโบราณสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ที่รวมเอาทั้งวิหาร ศาลาการเปรียญ และกุฏิพระสงฆ์เข้าไว้เป็นอาคารเดียวกัน ซึ่งคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ เจ้าของเมืองโบราณได้ขอผาติกรรม รื้อมาจากวัดจองคำ ในตำบลบ้านหวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง แล้วนำมาประกอบขึ้นใหม่ไว้ที่เมืองโบราณ โดยได้รักษารูปทรงไว้อย่างเดิมทุกประการ เพิ่มเติมแค่ซุ้มประตูเพื่อให้ลงตัวกับพื้นที่มากขึ้นเท่านั้น

จำได้ว่าครั้งนั้นผมชื่นชอบวิหารไม้สักหลังนี้มาก เดินวนเวียนชมพลางถ่ายภาพไปพลางอยู่เป็นนานสองนาน ทั้งยังจดจำไว้อย่างแม่นยำสำหรับชื่อ “วิหารวัดจองคำ” เป็นความประทับใจที่สุดของการไปเยือนเมืองโบราณครั้งแรก ไม่น่าเชื่อว่ามาถึงวันนี้ผ่านไปสามสิบกว่าปีแล้ว ผมเพิ่งได้มีโอกาสมาเยือนแหล่งที่ตั้งดั้งเดิมของวิหารไม้สักงามในความทรงจำที่จังหวัดลำปางเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ได้ยินชื่อ“วัดจองคำ” แล้วภาพของวิหารที่เคยตื่นตาในเมืองโบราณก็ปรากฏขึ้นในจินตนาการทันทีเลยละครับ ทว่าวันนี้ “วัดจองคำ” ในถิ่นเดิมได้เติบโตพัฒนาการไปมากมาย ถึงขนาดแม้กระทั่งชื่อยังเพิ่มเติมสร้อยต่อท้ายชื่อว่า “พระอารามหลวง” ด้วย
ตามประวัติ วัดจองคำสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2446 โดยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ปกครองนครลําปางองค์สุดท้าย ร่วมกับกลุ่มคหบดีชาวไทยใหญ่ซึ่งทำงานให้กับบริษัท บอมเบย์ ปราซ่า (Bombay Prasa Company) ของชาวอังกฤษที่เข้ามารับสัมปทานทำป่าไม้ในเขตอำเภองาว แหล่งไม้สักทองอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ก่อนที่ต่อมาในปี พ.ศ. 2475 พ่อเลี้ยงพะกาหม่อง หมอกเรืองใส พ่อเลี้ยงญาณะ เมาลาโยง พร้อมทั้งคณะศรัทธาในท้องถิ่นร่วมกันสร้างวิหาร สถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ด้วยไม้สักทองทั้งหลังอันงดงามตระการตาด้วยลวดลายฉลุและไม้แกะสลักประดับประดา วิหารหลังนี้เองคือหลังที่ต่อมาได้ถูกผาติกรรมไปไว้ที่เมืองโบราณในปี พ.ศ. 2517 หลังจากนั้นวัดจองคำก็ทรุดโทรมเนื่องจากไม่มีพระภิกษุจำพรรษาถาวร มีเพียงแวะเวียนมาพำนักชั่วครั้งคราวอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

วัดจองคำกลับสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งเมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 2530 เพิ่มพื้นที่จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 3 ไร่ ขึ้นเป็นประมาณ 387 ไร่ในปัจจุบัน อีกทั้งในปี พ.ศ. 2549 ยังได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เนื่องในวาระมหามงคลพระบาทสมเด็จพระชนกกาธิเบศร์ มหาภูมิพลอดุลเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มีการสร้างพระวิหารชัยภูมิ สถาปัตยกรรมไม้สักแบบไทยใหญ่ฉลุลวดลายอย่างอลังการขึ้นทดแทนวิหารหลังเก่าที่นำไปไว้ที่เมืองโบราณในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย
ล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมานี้ ทางวัดจองคำพระอารามหลวงเพิ่งทำพิธีเปิดและเฉลิมฉลองสังเวชนียสถานทั้งสี่ ซึ่งจำลองมาไว้ภายในพื้นที่อันกว้างขวางของวัดอย่างเหมือนของจริงมากที่สุด ได้แก่ พระมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา จำลองจากในสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมประดับลวดลาย สูง 51 เมตร รายรอบด้วยเจดีย์บริวารทรงสี่เหลี่ยมแบบเดียวกันแต่ขนาดย่อมลงมาทั้งสี่ทิศ ขนาดเท่ากับของจริงที่อินเดีย ข้าง ๆ พระเจดีย์ยังมีหน่อต้นโพธิ์จากพุทธคยามาปลูกไว้ให้สักการะด้วย ภายในส่วนฐานเป็นวิหารประดิษฐาน “พระพุทธเมตตา” พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะปาละ และพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานในบุษบกที่จัดโต๊ะหมู่บูชาไว้สองชุด โดยรอบจัดทำตู้กระจกจัดแสดงพระพุทธรูปปางต่าง ๆ หลากยุคหลายสมัย

ถัดลงมาเป็นลุมพินีวัน จำลองสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า มี “วิหารมายาเทวี” อาคารโถงสีขาวชั้นเดียว กับวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็กอยู่บนหลังคา สร้างเป็นวิหารหลังใหม่ที่ครอบส่วนฐานอิฐดินเผาของวิหารสมัยโบราณที่ได้รับขุดแต่งแล้วเอาไว้ แบบเดียวกับสถานที่จริงในเนปาล กึ่งกลางอาคารประดิษฐานศิลาแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายา พุทธมารดาขณะทรงมีพระประสูติกาล และประติมากรรมเจ้าชายสิทธัตถะขณะทรงดำเนินเจ็ดก้าวในวันประสูติ ห่างกันเพียงเล็กน้อยคือกุสินารา จำลองจากสถานที่ตั้งของ “สาลวโนทยาน” หรือป่าต้นสาละในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย สถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วย อนุสรณ์สถานสำคัญคือพระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างกับ “วิหารปรินิพพาน” ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธปางปรินิพพานขนาดใหญ่ รายรอบวิหารเต็มไปด้วยร่องรอยของฐานอิฐของโบราณสถานเหมือนกับในสถานที่จริงเช่นกัน

ข้ามมาอีกฟากของธารน้ำคือสารนาถ จำลองป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาให้กับปัญจวัคคีย์ ส่งผลให้เกิดมีพระรัตนตรัยอันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขึ้นเป็นครั้งแรก ถือว่าเป็นการเริ่มต้นประกาศพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ อนุสรณ์สถานสำคัญคือธรรเมกขสถูป เจดีย์ใหญ่ที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงให้สร้างขึ้นในบริเวณซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา และเพราะชื่ออิสิปตนมฤคทายวันหมายถึงป่าที่อาศัยของกวาง จึงมีประติมากรรมรูปกวางประดับไว้รอบ ๆ ด้วย
สักการะครบถ้วนสังเวชนียสถานทั้งสี่แล้วอย่าเพิ่งรีบไป เพราะยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งที่สวยงามน่าสนใจให้แวะชมอีกแห่ง นั่นคือพระอุโบสถศาสโนทัย สถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่สุดตระการตา ตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อนหรูหรา เครื่องบนตั้งแต่หน้าบันหลังคาแบบปราสาทซุ้มประตูหน้าต่างประดับประดาด้วยแผ่นโลหะสีทองอร่ามฉลุลวดลายมลังเมลืองเมื่อยามต้องแสงแดดงดงาม ภายในประดิษฐานพระมหามัยมุนีจำลองและพระพุทธรูปอื่น ๆ อีกรวม9 องค์ ให้สักการะเป็นการส่งท้าย เรียกว่าอิ่มบุญอิ่มใจแล้วยังอิ่มตากับสถาปัตยกรรมงาม ๆ

7/10/68 เวลา 08:20 น.