#ศิลปวัฒนธรรม

หัวโขนจิ๋วพรรณราย แรงบันดาลใจสู่การมีชีวิต

ปิยะวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ เรื่อง สุรพล สุภาวัฒนกุล ภาพ

คุณณัฏฐ์พัชร์ บุญทิพย์ภูวเดช หรือ คุณก้อย เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนการแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า มะเร็งเป็นโรคร้ายที่ผู้ป่วยมีโอกาสน้อยในการรอดชีวิต หากแต่คุณก้อยคือผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้ายที่สามารถหายและกลับมามีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาวมาได้จนถึงทุกวันนี้ หากเป็นคนอื่นอาจถอดใจและหมดกำลังใจไปแล้ว แต่คุณก้อยกลับเลือกใช้ชีวิตในช่วงวาระสุดท้ายอย่างมีคุณค่า และมีความสุขที่สุดด้วยการลงมือทำในสิ่งที่ตนเองรัก ยังมีโอกาสได้ทำ ซึ่งความสุขทางใจที่ได้รับ กลายเป็นยารักษาโรคร้ายให้หายเป็นปลิดทิ้งได้

ช่วงที่ป่วยหนักจนทำงานไม่ไหว ทำให้คิดว่าควรพักทุกอย่างและหันมาทำสิ่งที่อยากทำ ใช้ชีวิตช่วงวาระสุดท้ายให้มีความสุขที่สุด ซึ่งก็มาจากความชอบเรื่องราว “รามเกียรติ์” ที่ไม่เคยได้ไปชมเพราะค่าชมแพง จึงทำให้นึกอยากลองทำ “หัวโขนจิ๋ว” แม้จะไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับการทำหัวโขนมาก่อน แต่ด้วยใจรักและความตั้งใจ จึงศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองหาหนังสือตำราต่าง ๆ มาฝึกหัด เริ่มจากปูนปลาสเตอร์ ลงสี ลองผิดลองถูก ฝึกฝนฝีมือพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆหัวโขนของคุณก้อยเป็นหัวโขนขนาดจิ๋ว เล็กเท่ากำปั้น หากไม่นับเศียรพ่อครูฤาษี เศียรพระพิฆเนศ ก็จะเห็นหัวโขนทศกัณฐ์ พระราม พระลักษมณ์ หนุมาน ไมยราพ อินทรชิต สุครีพ รวมถึงหลากหลายตัวละคร วางโชว์อยู่ในตู้กระจก

“เราทำเพราะความชอบ ทำไปยิ้มไป มีความสุขมาก คิดว่าถ้าตายก็คงไม่เสียใจแล้ว เพราะได้ทำในสิ่งที่รักแล้ว ทำจนลืมป่วย กลับไปหาหมอปรากฏว่ามะเร็งหาย โดยไม่ต้องกินยาที่หมอให้ กินแต่ยาสมุนไพรต้ม ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เปลี่ยนวิธีคิด และเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน” ช่วงเริ่มต้นเป็นการทำด้วยใจรัก ไม่ได้สนใจเรื่องขายหรือกำไร ทำให้เลือกใช้วัสดุอย่างดี ใส่ใจทุกรายละเอียด ผลงานทุกชิ้นประณีตสวยงาม เชื่อว่าการทำงานฝีมือต้องมีสมาธิ มีอารมณ์ร่วม และต้องใส่จิตวิญญาณลงไปด้วย คุณก้อยทำเก็บสะสมมาเรื่อย ๆ จนญาติที่กำลังจะเดินทางไปอังกฤษมาเห็นผลงานแล้วชื่นชอบ จึงสั่งทำเป็นของฝาก ต่อมาได้ขายงานกับภูเก็ตแฟนตาซี ทำส่งอยู่พักใหญ่จนเกิดสึนามิ จึงหยุดไป แต่ก็ยังทำเพื่อเก็บสะสมมาตลอด ระหว่างนั้นก็มีออร์เดอร์เข้ามาจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก

ช่วงหลังได้มีการเปิดตลาดเกษตรประชารัฐ ร่วมใจคุ้งบางกะเจ้า และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เข้ามาส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวโดยชุมชน ทำให้มีโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นำผลงานไปวางขายที่ตลาดครั้งแรกเมื่อประมาณสามปีก่อน พร้อมทั้งจดทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปของตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ ยังเคยได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนจังหวัดไปประกวดผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมไทยระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2561 ได้รับรางวัลเหรียญทอง แม้จะเริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ก็ยืนยันว่าจะรับทำแบบพรีออร์เดอร์เท่านั้น ไม่เน้นทำจำนวนมากเพื่อวางขายเป็นสินค้าทั่วไป และไม่ทำอะไรเกินตัว เพราะหากคิดเพียงเพื่อขายให้ได้มาก อาจทำไม่ไหว และผลงานที่ได้อาจด้อยคุณภาพ ทุกวันนี้ การทำหัวโขนที่บ้านกลายเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ นักท่องเที่ยวสามารถมาลงมือทำ เช่น กิจกรรมวาดภาพและระบายสีโขนจิ๋วบนพัดสานขนาดเล็ก โดยมีค่าเข้าร่วมกิจกรรมเพียง 150 บาทต่อคน หรือหากต้องการผ่อนคลายความเครียดด้วยการวาดและระบายสี พร้อมนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถเลือกกิจกรรมวาดหัวโขนลงบนพัดสาน ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แต่งเติมตามจินตนาการ

นอกจากการได้ทำในสิ่งที่ตนรัก อีกแรงหนุนสำคัญมาจากบุญกุศลและแรงอธิษฐานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจสูงสุด คุณก้อยตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า ขอให้มีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูลูกที่ยังเล็ก โดยจะตั้งมั่นทำความดี ถวายเป็นพุทธบูชาและเทิดทูนในหลวง ด้วยการเป็นคนดี ซื่อสัตย์ สุจริต และทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ซึ่งไม่เคยผิดคำสัญญา

เพราะทุกวันนี้ นอกจากจะทำหัวโขนจิ๋วเลี้ยงตนเองแล้ว ยังแบ่งเวลาไปทำงานจิตอาสา เป็นวิทยากรสอนทำหัวโขนจิ๋วให้เด็ก ๆ ตามโรงเรียนในคุ้งบางกะเจ้า รวมถึงในโอกาสสำคัญต่าง ๆ เช่น งานวันเด็กแห่งชาติ ไม่เพียงช่วยปูพื้นฐานและปลูกฝังให้เด็ก ๆ รักศิลปะตั้งแต่วัยเยาว์ หากยังช่วยสืบทอดมรดกภูมิปัญญาไทยให้อยู่คู่แผ่นดินตราบนานเท่านาน

11/09/68 เวลา 07:47 น.