“ครบุรี” ชื่อนี้จำไม่ลืม…
พัชรี อินทร์แสง เรื่อง
ธีรพัฒน์ บุปผาพิบูลย์ ภาพ
มีอำเภอแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งห่างไกลและน้อยคนนักที่รู้จัก ครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อนี้ คลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นหู ซึ่งความจริงแล้วฉันอาจคุ้นเคยแค่คำว่าบุรีคำเดียวมากกว่ากระมัง หลังจากรับเอาความรู้เรื่องพลังงานไปเสียจนอัดแน่น คงได้เวลาผ่อนคลาย ปล่อยเวลาปล่อยใจไปตามธรรมชาติ ในระหว่างการเดินทางยาวนานนับชั่วโมง ในใจฉันได้แต่ตั้งตารอคอยที่จะได้ทำความรู้จักกับครบุรีอย่างเป็นทางการ
ที่แรกที่ฉันเลือกสำนักสงฆ์ภูกิ่งฟ้า ทางเข้าที่ค่อนข้างเงียบสงบ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา แปลงมันสำปะหลังและต้นไม้นานาชนิด ทำให้ฉันได้แต่สงสัยว่าที่นั่นมีอะไรแน่ เพราะตลอดทางที่ผ่านมาตั้งแต่พ้นหมู่บ้านนั้น ฉันก็ไม่เห็นบ้านคนที่สองข้างทางอีกเลย
ใช้เวลาครู่ใหญ่ ฉันก็เดินทางมาถึง บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น เจดีย์ทรงระฆังคว่ำตั้งตระหง่านอยู่กึ่งกลางอย่างเห็นได้ชัด ชวนให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปกราบไหว้ขอพรพระพุทธรูปด้านในกัน ฉันได้ยินคนในพื้นที่เล่าว่า “มาที่นี่ประจำตั้งแต่ยุคแรก ๆ เป็นคนบุกเบิกนำเอาระฆังมาถวายหลวงพ่อ เพื่อให้ญาติโยมที่มาไหว้พระ ได้ทำบุญบูชาระฆังเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วนำไปแขวนบริเวณสกายวอล์กเพื่อจารึกชื่อเราไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยมาเยี่ยมเยือนที่นี่” ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็สัมผัสได้ถึงความศรัทธา
หลังจากเดินชมบรรยากาศรอบ ๆ ได้สักพัก ฉันก็ได้มีโอกาสได้เสวนาพูดคุยกับพระอาจารย์ พระสุนทร ฐานสัมปันโน ถึงที่มาที่ไปของสำนักสงฆ์แห่งนี้
“เดิมทีที่นี่เคยเป็นสถานที่ปลูกป่ามาก่อน หลังจากนั้นจึงมีการก่อสร้างกุฏิและสถานที่ปฏิบัติธรรมในป่า ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำและทุ่งสวนนาไร่ ทำให้คนที่แวะเวียนกันเข้ามาทำบุญไหว้พระบอกกันปากต่อปากจนกลายเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้”
ฉันใช้เวลาอยู่พักใหญ่นั่งฟังเรื่องราวจากปากท่านพระอาจารย์ ได้รู้เรื่องราวว่าเมื่อก่อนพระที่นี่บิณฑบาตด้วยการขึ้นลงบันไดกว่า 1,000 ขั้นในทุก ๆ เช้า วิถีชีวิตในแบบฉบับชาวครบุรียังคงดำเนินไปด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา แม้ว่าท่านจะไม่ได้ใช้บันไดเพื่อเดินทางไปบิณฑบาตด้วยอายุที่มากแล้ว แต่ชาวครบุรีเองก็ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมที่นี่กันอย่างไม่ขาดสาย
กว่าจะเสวนาเสร็จสิ้นก็กินเวลานานโข ด้วยเรื่องเล่าที่น่าฟังทำให้ฉันรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงแดดของพระอาทิตย์ขึ้นสีทองอ่อน ๆ บ่งบอกเวลาใกล้ตกดินแล้ว เหล่าระฆังใบน้อยที่ห้อยเรียงรายอยู่ที่สกายวอล์กบ่งบอกถึงจำนวนคนที่มาเยี่ยมเยือน ทำฉันรู้สึกว่าหากเป็นหนึ่งในนั้นก็คงจะดีไม่น้อย ระฆังใบเล็กที่นี่ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่ใครมาก็ต้องบูชา หลังจากผูกระฆังเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งปล่อยจิตใจให้สงบไปกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกยามเย็น ก่อนเดินทางกลับที่พักเพื่อทำความรู้จักครบุรีให้มากกว่านี้
ระหว่างทางกลับ ฉันเห็นภาพทุ่งหญ้าสูงเกินเอวเล่นแสงสีทองราวกับหยอกล้อดวงอาทิตย์ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่เป็นฉากหลังตัดกันดีกับท้องฟ้าที่แต่งแต้มด้วยสีม่วงอมส้ม ทำให้ฉันต้องหยุดรถเพื่อบันทึกภาพแห่งความงดงามนี่ ครบุรีนี่ช่างมีความงามให้ฉันได้ค้นหามากมายเสียจริง
เช้าวันต่อมาฉันลืมตาตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ วัดเขาจอมทองเป็นจุดหมายปลายทางของเช้าวันนี้ ดาบเล็ก คนในพื้นที่อาสานำเที่ยว ขั้นบันไดกว่า 600 ขั้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ท้าทายฉันก่อนแสงแรกของวัน ด้วยความชันและระยะทาง อาจทำให้เสียเหงื่อและหอบอยู่บ้าง หากแต่ศาลาพักเหนื่อยในแต่ละจุดก็ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าได้อยู่ไม่น้อย
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ฉันก็เดินทางถึงด้านบนยอดเขาจอมทอง ที่นี่มีไฮไลต์สวย ๆ ที่น่าถ่ายรูปหลายจุด ระหว่างทางเดินเกือบถึงยอดเขามีช่องเขารูปหัวใจ ที่ใคร ๆ มาถึงก็ต้องถ่ายรูปด้วย มุมด้านหลังที่เป็นภูเขาบวกกับวิวด้านหน้าที่อลังการ ทำให้การออกแรงเดินเท้ามาทั้งหมดนั้นแทบหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ระหว่างทางว่าสวยแล้ว ด้านบนยอดเขาจอมทองอลังการกว่าหลายเท่า ภาพทิวทัศน์ที่มองได้รอบถึง 360 องศา เห็นความเขียวขจีและความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติทับลาน รวมทั้งเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรีอย่างชัดเจน บวกเวิ้งน้ำจากเขื่อนมูลบนที่มีความเว้าโค้งสวยงามสะท้อนประกายระยิบระยับกับแสงอาทิตย์สีทองอร่าม ทำให้ฉันอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จนกว่าจะพอใจกับวิวที่อยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว
นอกจากด้านบนนี้จะมีวิวที่งดงามแล้ว ยังมีพระพุทธชินราชจำลองให้นักท่องเที่ยวได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย ใช้เวลาเดินชมธรรมชาติพร้อมถ่ายรูปสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกได้ครู่ใหญ่ ก็ค่อย ๆ เคลื่อนพลออกเดินทางต่อ ก่อนถึงบันไดลง ป่าไผ่ที่ขึ้นเรียงรายคล้ายอุโมงค์ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ ถ้าจะให้ฉันรีวิวเขาลูกนี้ ก็คงบอกได้แค่ว่า “มาเถอะ แล้วจะไม่เสียใจ”
ชมความงามจากด้านบนยอดเขาจอมทองไปแล้ว ก็ได้เวลาชมความงามจากบนพื้นดินเสียบ้าง ท่าน้ำวัดตลิ่งชัน ถูกตั้งเป็นจุดหมายถัดไปอย่างไม่รีรอ บรรยากาศรอบข้างที่เขียวขจี งดงามและเข้ากันดีกับถนนสายคดเคี้ยว ความลาดชันของถนนเส้นนี้ทำให้เส้นทางก่อนถึงจุดหมายเป็นอีกหนึ่งมุมที่น่าสนใจ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงท่าน้ำวัดตลิ่งชัน ภูเขาลูกโตสุดอลังการตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ทำให้ฉันยืนอึ้งในความมหัศจรรย์ของเขาจอมทอง ภูเขาที่สามารถชมวิวที่สุดแสนงดงามได้ทั้งด้านบนยอดเขาและด้านล่างจากพื้นดิน จะมีภูเขาสักกี่ลูกกันที่ทำได้ถึงขนาดนี้ ฉันแทบไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าที่นี่คือ “Unseen ครบุรี”
ความงดงามตรงหน้าราวกับภาพวาด ท้องทุ่งหญ้าขนาดกว้างถูกพาดผ่านด้วยสายน้ำจากเขื่อนมูลบน สีเขียวอ่อนสบายตาตัดกันดีกับสีเขียวเข้มของเขาจอมทอง ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศหลังฝนตกทำให้มีเมฆหมอกจาง ๆ ลอยล่องไปมาบนอากาศ แถมยังหยุดได้เหมาะเจาะพอดิบพอดีที่ตรงปลายยอดเขารูปร่างทรงกรวยสามเหลี่ยม ทำให้ภาพในหัวฉันอดจินตนาการไม่ได้ว่าปุยเมฆขาวนั่นคือหิมะสีขาวโพลนที่กำลังปกคลุมยอดเขาอยู่นั่นเอง
บริเวณนี้สามารถชมวิวได้ทั้งท่าน้ำหรือล่องเรือข้ามฟากไปดื่มด่ำกับทิวทัศน์อย่างใกล้ชิดก็ได้เช่นกัน หลังจากฉันยืนชมวิวพร้อมถ่ายภาพจากท่าน้ำจนพอใจแล้ว พี่คนขับเรือก็พร้อมออกเรือพาฉันข้ามฟากไปยังอีกฝั่งทันที เจ้ากะทิ สุนัขเจ้าถิ่นสีดำสนิทรีบกระโจนขึ้นหัวเรืออย่างไม่รอรี ฉันที่ได้กำลังเพลินเพลินกับบรรยากาศยังอดไม่ได้ที่จะชมความน่ารักของมัน ใครที่มาเที่ยวที่นี่ ฉันขอแนะนำให้พกอุปกรณ์อย่างร่ม หมวก หรือเครื่องแต่งกายน่ารัก ๆ มาด้วย เพื่อให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูสวยงามเข้ากันดีกับบรรยากาศ
หากอ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยกับคำว่าเขื่อนมูลบนที่ปรากฏอยู่แทบทุกสถานที่ในครบุรี เขื่อนมูลบนเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของอำเภอครบุรี มีการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ นั่งพักตากอากาศ พร้อมชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ เขาจอมทอง นอกจากนี้ ยังมีเขื่อนลำแชะ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศชิล ๆ ริมเขื่อน บวกกับวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ชาวครบุรีให้ความสนใจและแวะมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ
การเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมาครั้งนี้ ทำให้ฉันได้สัมผัสถึงมิตรภาพที่งดงามของชาวลำตะคองและชาวครบุรี ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะแปรเปลี่ยนหมุนเวียนไป จนทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในที่นี่เกิดการพัฒนาขึ้น แต่ความสวยงามของธรรมชาติและความใจดีของผู้คนกลับไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ยังคงแทรกซึมอยู่ในทุก ๆ สถานที่ที่ฉันเดินทาง เคียงคู่มากับความเจริญของบ้านเมือง นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่จริงเสมอไปกับคำพูดที่ว่า “เมื่อความเจริญมาแทนที่ วัฒนธรรมที่มีก็หดหาย”
เวลานี้ลำตะคองและครบุรีได้พิสูจน์ให้ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า “วัฒนธรรม ธรรมชาติ และผู้คนในท้องถิ่นสามารถเติบโตงอกงามได้ดีพร้อม ๆ กับโลกยุคใหม่ที่เจริญก้าวหน้า”
ทำไมเราจะต้องเลือกให้สิ่งใดหายและสิ่งใดอยู่ ในเมื่อเราสามารถดูแลรักษาทุกอย่าง ๆ ให้คงอยู่เคียงคู่กันต่อไปได้…
คู่มือนักเดินทาง
ที่กิน
ร้านบ้านผักหวานลานจันทร์-ครัวดาบเล็ก ร้านอาหารถิ่นรสเลิศ บรรยากาศดี มีหลากหลายเมนูให้เลือกสรร โทรศัพท์ 08 5833 3722 เฟซบุ๊ก : บ้านผักหวานลานจันทร์-ครัวดาบเล็ก
ที่พัก
ต้นไม้ใหญ่รีสอร์ท ที่พักครบุรี บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม มีห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก โทรศัพท์ 06 3634 5678เฟซบุ๊ก : ต้นไม้ใหญ่ รีสอร์ท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์ 0 4421 3666