กินดี อยู่เป็น…โมริ เนเชอรัลฟาร์ม Mori Natural Farm
จุฑาทิพย์ นิลงาม เรื่อง
ธีรพัฒน์ บุปผาพิบูลย์ ภาพ
ขับรถหันหลังให้ตัวเมืองเชียงใหม่ จากตึกรามบ้านช่องเรียงรายและจราจรคับคั่งบนถนน เมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม-สะเมิง) ถนนท่องเที่ยวสายธรรมชาติของเชียงใหม่ซึ่งรู้จักกันดีในหมู่คนชอบเที่ยว ทัศนียภาพสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป เฉดสีเขียวของต้นไม้และภูเขาเข้ามาอยู่ในแนวสายตามากขึ้น แล้วจีพีเอสก็พาเรามาถึง โมริ เนเชอรัลฟาร์ม Mori Natural Farm ที่พักแนวรีสอร์ต สไตล์การก่อสร้างและตกแต่งให้อารมณ์คล้ายกับฟาร์มสเตย์แถบชนบทของญี่ปุ่น
โมริ เนเชอรัลฟาร์ม ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาในพื้นที่ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม ท่ามกลางภูมิประเทศคล้ายแอ่งกระทะ มีพื้นที่ราบเล็ก ๆ ตรงกลางและโอบล้อมไปด้วยภูเขา จึงมีอากาศเย็นสบายแม้ในช่วงฤดูร้อน แต่ก็หนาวเอาเรื่องเมื่อเหมันต์มาเยือน เพียงก้าวแรกที่ลงจากรถ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปถนัดตา เมื่อเทียบกับไม่กี่นาทีก่อนหน้า ที่เพิ่งเผชิญกับเสียงจอแจของผู้คนและกลิ่นเขม่าควันรถจากถนนในเมือง เวลานี้สิ่งที่สัมผัสและรับรู้ได้คือ สายลมเย็นเอื่อยเบาที่พัดมาเรียกความสดชื่น เสียงร้องทักทายของนกและเสียงไก่ขันที่ดังมาจากทุกทิศทางรอบตัว เป็นสิ่งตอกย้ำว่าเราได้เดินทางเข้าใกล้ธรรมชาติมากกว่าทุกวัน
เส้นทางเดินจากที่จอดรถไปยังส่วนต้อนรับเป็นทางเดินไล่ระดับขึ้นไปตามเชิงเขา ผ่านบ้านพักของนักท่องเที่ยวและสวนที่มีสารพัดพันธุ์ไม้ แต่มีการจัดตกแต่งได้กลมกลืนกับบ้านทุกหลัง เมื่อเดินขึ้นไปถึงส่วนต้อนรับ เป็นบ้านไม้สองชั้นใต้ถุนสูงสไตล์ร่วมสมัย ชั้นบนเป็นส่วนพักอาศํยของเจ้าของที่พัก ชั้นล่างเป็นใต้ถุนโล่งที่ดัดแปลงให้เป็นส่วนต้อนรับและคาเฟ่ จากจุดนี้สามารถมองเห็นบ้านพักทุกหลังและพื้นที่สวนของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม รวมทั้งวิวภูเขาที่อยู่เบื้องหน้า
ไม่นานเราก็ได้พบกับ “คุณปอ-สิทธิโชค ยอดรักษ์” และ “คุณเมี่ยง-สรัญภร พงศ์พฤกษา” สองสามีภรรยาเจ้าของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมกับบรรดาดาวเด่นประจำบ้านที่ผลัดกันออกมาทักทายแขก นั่นคือสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ (Akita) จากญี่ปุ่นทั้ง 4 ตัว ได้แก่ “ฮาชิ” “โบชิ” “มิกิ” “ไอมิ” กับสุนัขสายพันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) อีก 1 ตัว ชื่อว่า “แม๊ก” เจ้าของบ้านได้เชื้อเชิญให้ลองจิบน้ำเลม่อนสดผสมน้ำผึ้ง เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของที่นี่ เนื่องจากเป็นเลมอนที่ปลูกเองภายในสวนและให้ผลผลิตตลอดทั้งปี เมื่อได้ลิ้มรสตามคำชวนก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่นเปรี้ยวอมหวานเป็นที่ถูกปากถูกใจกันถ้วนหน้า
โดยปกติในทุกวันหากคุณปอและคุณเมี่ยงไม่ติดภารกิจอื่นใด มักจะมาทักทายพูดคุยกับแขกของที่พักอย่างเป็นกันเองอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถือเป็นความโชคดีที่คุณปอได้มานั่งร่วมวงสนทนาเรื่องราวท่องเที่ยวในเชียงใหม่ระหว่างกัน เมื่อถามถึงความเป็นมาของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม คุณปอเท้าความให้ฟังว่า ในอดีตตนเองและภรรยาเคยทำงานบริษัทของญี่ปุ่นในเมืองไทย ด้วยความที่ทั้งคู่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวเป็นทุนเดิม ทั้งติดใจหลงใหลในเสน่ห์เมืองเหนืออย่างเชียงใหม่ จนได้มาพบที่ดินผืนงามแห่งนี้ จึงตัดสินใจซื้อเก็บไว้ แต่เดิมที่ดินผืนนี้ชาวบ้านทำแปลงปลูกไม้ดอกกับพืชผักเมืองหนาว และน่าจะมีการใช้สารเคมีเข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิตด้วย ซึ่งในช่วงที่ยังไม่ได้ย้ายมาลงหลักปักฐาน ทุกครั้งที่แวะเวียนมาดูแลที่ดิน คุณปอจะตัดหญ้าถางวัชพืชและปล่อยเศษซากทิ้งไว้บนหน้าดิน เพื่อให้เกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติเป็นแร่ธาตุสะสมในดิน โดยทำเช่นนี้ต่อเนื่องมานานกว่า 8 ปี ส่งผลให้ดินของที่นี่มีคุณภาพดีเพาะปลูกอะไรก็เจริญงอกงาม
เมื่อทำงานบริษัทจนถึงจุดอิ่มตัว คุณปอกับคุณเมี่ยงจึงบอกลาเมืองใหญ่ ย้ายมาลงหลักปักฐานใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติกันที่นี่ ได้มีการวางแผนอนาคตว่าสิ่งที่พอจะทำรายได้เลี้ยงชีพต่อจากนี้ โดยที่ทั้งสองสามารถใช้ชีวิตอยู่กับบ้านและมีเวลาปลูกผักทำสวนในที่ดินของตัวเอง น่าจะเป็นการสร้างที่พักรองรับนักท่องเที่ยว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโมริ เนเชอรัลฟาร์ม บ้านพักถูกสร้างขึ้นมาทีละหลังตามกำลังทรัพย์ จนปัจจุบันมีบ้านพักรองรับนักท่องเที่ยวทั้งหมด 5 หลัง ได้แก่ บ้านโรงนา บ้านเรียวกัง บ้านหลองข้าว บ้านคอทเทจ และบ้านวาบิ ซาบิ ทุกหลังออกแบบและตกแต่งให้บรรยากาศเหมือนกับกำลังใช้ชีวิตอยู่ในชนบทของญี่ปุ่น ซึ่งแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความผูกพันและหลงใหลในกลิ่นอายแดนอาทิตย์อุทัยของคนทั้งคู่
คุณปอและคุณเมี่ยงได้พาเราลงมาเดินเล่นลัดเลาะในสวนของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม ซึ่งสวนของที่นี่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามรื่นรมย์ แต่เป็นสวนที่รวมสารพัดพันธุ์ไม้ไว้ใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะนำมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เลมอน สตรอว์เบอร์รี มะนาว มันหวานญี่ปุ่น ฟักทอง ผักสลัด โรสแมรี ริโคลามินต์ ลาเวนเดอร์ กุหลาบ ฯลฯ การเดินชมสวนท่ามกลางแดดอุ่น มีลมพัดคลอเย็น ๆ เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทั้งเพลิดเพลินและได้รับประโยชน์ เพราะคุณปอจะคอยแนะนำให้รู้จักพันธุ์ไม้แต่ละชนิด ทั้งแชร์เทคนิคและประสบการณ์การดูแลต้นไม้ให้ฟังด้วย
ในสวนของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม จะปลูกต้นดอกคัตเตอร์ญี่ปุ่นเป็นพืชคลุมดิน เพราะใบของมันจะแผ่ขยายปกคลุมหน้าดิน ช่วยรักษาความชื้นให้ดิน ทำให้หญ้าและวัชพืชอื่นไม่สามารถขึ้นมาแทรกได้ เรียกได้ว่าเป็นไม้ดอกที่ทั้งสวยงามและมีประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีไก่ป่าซึ่งเดินหลงมาจากบนภูเขาด้านหลังของที่พักและเกิดติดใจขอยึดพื้นที่อยู่ยาวแบบถาวร เจ้าไก่ป่าจ่ายค่าเช่าบ้านด้วยการช่วยจิกกินหอยทาก มด และแมลงต่าง ๆ ในแปลงสตรอว์เบอร์รี แม้จะเผลอจิกกินลูกสตรอว์เบอร์รีไปบ้างแต่ก็เป็นความเสียหายเพียงน้อยนิด ถือเป็นผลประโยชน์เกื้อกูลระหว่างกัน และที่นี่ยังทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง โดยนำเศษอาหารที่เหลือในแต่ละวันมาหมักในหลุมดินพร้อมรดน้ำ EM หรือกากน้ำตาล หมักดินทิ้งไว้เป็นเดือนจึงค่อยขุดนำไปใช้เป็นปุ๋ย ดังนั้นต้นไม้ทุกต้นบนพื้นที่สิบกว่าไร่ของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม จึงมีความเป็นออร์แกนิกแท้ เนื่องจากปลูกและดูแลโดยไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้การพึ่งพาเกื้อกูลจากธรรมชาติและวิถีทางแบบเกษตรอินทรีย์ นับเป็นภูมิปัญญาที่เกิดจากการเรียนรู้และลงมือทำ เมื่อเห็นผลดีแล้วจึงบอกต่อ
นอกจากให้บริการบ้านพัก ที่นี่ยังมีคาเฟ่เล็ก ๆ สำหรับทั้งผู้เข้าพักและนักท่องเที่ยวที่แวะมานั่งเล่นระหว่างวัน ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่เดียวกันกับส่วนต้อนรับ แน่นอนว่าทั้งเมนูอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มร้อนเย็น ล้วนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีและปลอดภัย ซึ่งวัตถุดิบหลายอย่างเก็บมาจากสวนออร์แกนิกของที่นี่ เอาเป็นว่าหากมีโอกาสแวะมาที่โมริ เนเชอรัลฟาร์ม รับรองว่าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การอยู่ดีและกินดี
ได้ฟังเรื่องราวการเดินทางของชีวิตจากคุณปอและคุณเมี่ยง รวมถึงความเป็นมาของโมริ เนเชอรัลฟาร์ม ทำให้รู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงที่พักสำหรับคนที่อยากมานอนเปลี่ยนบรรยากาศ หรือเป็นเพียงคาเฟ่สำหรับนั่งชิลถ่ายรูปสวยเท่านั้น แต่ที่นี่เปรียบเหมือนชั้นเรียนในวิชาเศรษฐศาตร์ครัวเรือนและวิชาการเกษตร ที่มีการยกตัวอย่างและแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านความเป็นไปในทุกขณะ ณ โมริ เนเชอรัลฟาร์ม ทำให้เราเริ่มกลับมามองตัวเองและมีความคิดจริงจังในการวางแผนชีวิตระยะยาว เพราะหากมีการเตรียมการและเริ่มต้นที่ดี คงมองเห็นภาพตนเองในอนาคตชัดเจนขึ้น และอีกหนึ่งบทสรุปที่ได้คือ ท้ายสุดแล้วชีวิตที่น่าจะมีความสุข คงเป็นการพาตนเองพร้อมคนที่รักมาอยู่แนบชิดกับธรรมชาตินั่นเอง
คู่มือนักเดินทาง
โมริ เนเชอรัลฟาร์ม เชียงใหม่
โทรศัพท์ 08 1787 8595
เฟซบุ๊ก : Mori Natural Farm โมริ เนเชอรัลฟาร์ม เชียงใหม่
บ้านพักมีจำนวนไม่กี่หลัง แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนเข้าพัก ในส่วนคาเฟ่เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 นาฬิกา สามารถเดินชมและถ่ายภาพคาเฟ่และสวนของโมริได้ ยกเว้นโซนบ้านพักแขก ทั้งนี้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก สำหรับผู้ตั้งใจแวะไปทักทายและถ่ายภาพกับบรรดาสุนัขของโมริ ต้องเข้าใจว่าที่โมริไม่ใช่ Dog cafe บางวันหรือบางช่วงเวลาอาจไม่พบน้อง ๆ ออกมาต้อนรับทักทาย