#เที่ยวป่าเขา

ไปพายเรือมุดถ้ำ ที่พัทลุง

กฤษณะ แก้วธำรงค์ เรื่องและภาพ

ทริปนี้เรามุ่งหน้าลงใต้ แพลนการเดินทางไปกลับด้วยเครื่องบิน เลือกสายการบินไหนก็ได้ ที่บินเข้าหาดใหญ่ หรือจะเปลี่ยนไปลงทางนครศรีธรรมราช แล้วต่อไปพัทลุงก็ได้เหมือนกัน แต่ที่เลือกหาดใหญ่ เพราะมีหลายเที่ยวบินให้เลือกมากกว่าทางนครศรีธรรมราช หรือจะเดินทางด้วยรถไฟ แล้วขับรถมุ่งตรงถึงพัทลุงเลย ก็แล้วแต่ความสะดวก ไม่บังคับ

จากหาดใหญ่ เราเหมารถตู้ขนเรือพับ Oru Kayak มุ่งหน้าสู่พัทลุง เดิมทีถ้าบอกว่ามาเที่ยวพัทลุง ก็ต้องไปเที่ยวทะเลน้อย หรือปากประ ล่องเรือดูยอยักษ์ แต่คราวนี้พวกเราไปพายเรือสำรวจถ้ำที่อำเภอกงหรา แหล่งท่องเที่ยวที่ยังสด ๆ ใหม่ ๆ อยู่

ระหว่างทางพวกเราแวะกินข้าวแกงปักษ์ใต้รองท้อง เลยทำให้กว่าจะมาถึงอำเภอกงหราใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่า ถ้าไม่แวะน่าจะสักชั่วโมงครึ่ง ถ้ำอัญมณีที่เป็นจุดหมายหลักของทริปนี้เป็นถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาสิมมุขา ที่อยู่ในบริเวณป่าชุมชนนาบอน

การเตรียมตัวเที่ยวถ้ำ หลัก ๆ เลยต้องดูฤดูกาลด้วย ช่วงหน้าฝนหากเลี่ยงได้เลี่ยงเลยครับ มีเหตุการณ์ให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว นอกจากนั้น คนนำทางและไฟฉายเป็นสองสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ถ้าเป็นถ้ำที่ลึก ใช้เวลานาน ควรเตรียมแบตเตอรี่สำรองไปด้วย เรื่องสุขภาพก็สำคัญ ถ้ำบางแห่งมีออกซิเจนน้อย ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ ถ้ำเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เปราะบาง เพราะฉะนั้นเราควรปฏิบัติตามกฎและคำแนะนำของผู้นำทางอย่างเคร่งครัด

ลักษณะภายในถ้ำอัญมณีเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา เราเริ่มประกอบเรือพับทั้ง 3 ลำ กับซัปบอร์ดอีก 1 ลำ ที่บริเวณป่าชุมชนนาบอน ผู้ร่วมทริปครั้งนี้คัดเอามาเฉพาะมือดีมีประสบการณ์ เพราะต้องพายในถ้ำ ซึ่งไม่เหมือนกับการพายตามลำน้ำทั่ว ๆ ไป มันยากขึ้นมาอีกขั้น การพายในถ้ำจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ไม่ให้ไปชนกับหินงอกหินย้อย หรือไม่ให้เอามือไปสัมผัสกับหินปูนมากเกินไป เพราะไขมันจากผิวหนังของเราจะไปหยุดยั้งการเติบโตของหินปูน ที่กว่าจะงอกได้นิ้วหนึ่งนั้นใช้เวลานานแสนนาน

พวกเราเริ่มออกเดินทางด้วยการพายเรือไปตามลำน้ำในหมู่บ้านนาบอนที่มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงแรกไหลตามน้ำจะสบายหน่อย แต่มีบางช่วงที่น้ำตื้น ต้องลงมาลากเรือข้ามสันทราย เราพายตามกันมาเรื่อย ๆ จนมาถึงปากทางเข้าถ้ำอัญมณี จากนั้นเราต้องช่วยกันแบกเรือข้ามเขื่อน ไปลงหน้าถ้ำ ตรงจุดนี้ผู้นำทางซึ่งมีประสบการณ์การเข้ามาสำรวจหลายรอบ ได้บรีฟให้พวกเราฟังเรื่องการพายเรือในถ้ำ รวมถึงข้อควรระวังและข้อปฏิบัติต่าง ๆ โดยมีทีมงานเข้ามาช่วยดูแลคณะเราอีก 3 ลำ คอยปิดท้ายขบวนเพื่อความปลอดภัย

จ้วงแรกที่พายเข้าสู่ความมืด พวกเรามีความกังวลกันพอสมควร เพราะทั้งกลุ่มไม่มีใครเคยมีประสบการณ์พายเรือในถ้ำมาก่อนเลย สิ่งแรกคือกังวลเรื่องความลึกของน้ำ ถึงแม้พวกเราจะใส่เสื้อชูชีพกันทุกคน แต่ก็เป็นธรรมดาที่เมื่ออยู่ในความมืดจะเกิดอาการกลัว หรือไม่มั่นใจ เมื่อลองเอาพายกดลงไปในน้ำเพื่อทดสอบความลึก ก็โล่งใจขึ้นหน่อย เพราะน้ำลึกประมาณหน้าอกเท่านั้น

ความงดงามของถ้ำช่วยขจัดความกลัวลงไปได้เยอะทีเดียว ฝูงค้างคาวมากมายบินไปมา หินงอกหินย้อยที่มีความงดงามสองข้างทาง เส้นทางที่เหมือนมีใครมาเจาะเป็นอุโมงค์ใต้ดิน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรบวก ๆ น้ำนิ่งพอสมควร เส้นทางพายเมื่อพายไปสุดทางแล้วก็ต้องพายกลับ ตรงสุดทาง น้ำจะมุดหายไปในโพรงถ้ำ ช่วงที่เราพายกลับจะเห็นความสวยงามของถ้ำในมุมกลับกัน พี่ที่นำทางแกชี้ให้ดูเงาที่ผนังถ้ำเป็นรูปผู้หญิงอุ้มเด็ก ซึ่งจะเห็นเฉพาะช่วงพายกลับเท่านั้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่แวดล้อมไปด้วยความมืดมิด ภาพบางภาพอาจจะทำให้เรามีจินตนาการไปได้หลากหลาย สุดท้ายแล้ว จงกลับมาที่สติ !

ทริปนี้นับว่าเป็นการเพิ่มประสบการณ์ในการเดินทางให้กับพวกเรา โดยเฉพาะช่วงที่เราเลือกเดินทางแบบโลว์คาร์บอนกับสิ่งที่เป็นนวัตกรรมเรือพับ Oru Kayak ที่พวกเราลงทุนแบกขึ้นเครื่องมาจากกรุงเทพฯ

ทริปต่อไป ไปเดินป่าขึ้นดอยกันไหมครับ ?

ขอขอบคุณ

คุณเขมพล อุ้ยตยะกุล ที่แนะนำถ้ำอัญมณีและผู้ร่วมชะตากรรมทุกท่าน

9/03/66 เวลา 14:43 น.