วิจิตร 5 ภาค @ เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” 20-28 พฤษภาคม 2566
วิจิตร 5 ภาค @ เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” จัดขึ้นในวันที่ 20-28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ณ อำเภอเมืองเชียงราย เวลา 18.00-24.00 น.
นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถสร้างกระแสให้ นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปเยี่ยมชม และส่งต่อประสบการณ์ผ่านสื่อ Social Media ในวงกว้าง ต่อยอดนำเสนอ แนวคิดและรูปแบบการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด งานเทศกาลแสง เสียง และความคิดสร้างสรรค์ โดยสื่อออกมา ในรูปแบบของการจัดแสดง Light up / Mapping / Projection 3D / Light installation และสื่อผสมที่ทันสมัย สื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ของท้องถิ่น สามารถต่อยอดไปสร้างเส้นทางให้ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมตามจุดต่าง ๆ ที่จัดแสดงได้ในลักษณะ Walking Tour เล่าเรื่องเมืองเชียงรายผ่าน เส้นทางแห่งกาลเวลาด้วยการ Light up/Mapping สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย ตามแนวคิด “หลงแสงเวียง ที่เชียงราย”
งานวิจิตร 5 ภาค @เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย (Chiang Rai : Wiang of Light)” จัดแสดงผ่าน สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ 15 แห่ง รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ได้แก่
- หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ: สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Celebrated Time ที่สื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของคนเชียงราย ใช้เทคนิค Moving Head Beam กับลำแสงสีทอง เงิน นาก เคลื่อนไหวไปพร้อมจังหวะการเดินของเข็มนาฬิกา บอกเล่าถึงการเดินทางของเวลาที่เดินหน้า หรือเดินถอยหลังสู่อดีตกาล
- ถนนเชื่อมหอนาฬิกา: ถนนสุขสถิตย์ หนึ่งในถนนย่านค้าขายสําคัญของเมืองเชียงรายยุคใหม่ ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และการคมนาคม ถือเป็นลมหายใจหนึ่งของการเติบโตของเมือง จัดแสดงภายใต้แนวคิด Connected ใช้เทคนิค Laser & Mirror ยิงแสงเลเซอร์ถักเป็นตาข่าย ลอยสุขสถิตย์เหนือผืนถนน สร้างคลื่นแสงเชื่อมสองเวลาและสองสถานที่เข้าหากัน
- หอนาฬิกา (เก่า): สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2510 และได้ย้ายจากถนนบรรพปราการ หรือที่ตั้งหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติในปัจุบัน ตั้งไว้ที่ตลาดสดเทศบาล บริเวณสามแยกโรงรับจํานํา อยู่ห่างจากจุดก่อสร้างหอนาฬิกาใหม่ ประมาณ 350 เมตร โดยมีเป้าหมายให้หอนาฬิกาทั้ง 2 จุด เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Classical Time หนึ่งในตัวแทนความคลาสสิกของยุคสมัย ใช้เทคนิคแสง Luminous Light แสงสีขาววางล้อมหอนาฬิกา อวดโฉมเวลาหนึ่งช่วงในอดีตที่เคยเป็นตัวแทนความเจริญของเมืองยุคใหม่
- มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์: ตั้งอยู่ที่ถนนบรรพปราการ กิจกรรมหรืองานหลัก ๆ ของมูลนิธิฯ เกี่ยวกับงานสาธารณะกุศลต่าง ๆ ช่วงเย็นมีกิจกรรมรําไทเก๊ก รํามวยจีน รํากระบี่ เพื่อส่งเสริมการออกกําลังกาย อาคารศิลปะตกแต่งอย่างสวยงามตามสไตล์จีน ด้านในมีจุดไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ หลายองค์ ตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนในเมืองเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Power of Gods การไหว้บูชาเหล่าเทพเจ้าขอพร ใช้เทคนิค Red & Gold Lights แสงสีแดงและสีทอง ตัวแทนความมั่งคั่งและโชคดี
- วัดมิ่งเมือง: วัดมิ่งเมือง ชาวเชียงรายเรียก วัดจ๊างมูบ (ช้างหมอบ) หรือวัดตะละแม่ศรีตามชื่อผู้สร้าง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงราย อยู่ตรงสี่แยกขัวดํา ไม่ไกลจากหอนาฬิกา เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะผสมระหว่าง พม่าและล้านนา วิจิตรงดงามทั้งภายในและภายนอก จัดแสดงภายใต้แนวคิด Multi Culture Multi-Colors หนึ่งศรัทธา มากศิลป์ ใช้เทคนิคแสง Led Par Light เลือกใช้คู่สีแสงที่มีความต่อเนื่องและขัดแย้งกันเพื่อขับเน้น ศิลปกรรมที่ผสมผสานแปลกตา
- ตึกสามเหลี่ยม: ตึก 3 ชั้นทรงแปลกตา ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาคารแนวโมเดิร์นของธนาคารแห่งหนึ่งของเมืองเชียงรายในยุค 80s จัดแสดงภายใต้แนวคิด Neon Era ใช้เทคนิคแสง Led Neo Light ไฟนีออนที่ไม่ใช่สิ่ง ส่องสว่าง แต่ได้รับการใช้งานและจัดวางเป็นงานศิลปะและเป็นเอกลักษณ์ที่สําคัญหนึ่งของยุคสมัย
- แมงสี่หูห้าตา: เป็นชื่อสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งในตํานานว่าด้วยวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว มีลักษณะเหมือนหมีสีดําตัวอ้วน มีหูสองคู่และตาห้าดวง กินถ่านไฟร้อนเป็นอาหารและถ่ายมูลเป็นทองคํา แมงสี่หู ห้าตา ยังเคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นมาสคอต กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 36 “เจียงฮายเกมส์” อีกด้วย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Fire Monster ใช้เทคนิคแสง Lantern Installation หุ่นโคมไฟแมงสี่หูห้าตาขนาดใหญ่ ในท่ากําลังปีนต้นก้ามปูยักษ์หน้าอาคารเทิดพระเกียรติ ที่มาพร้อมกับเสียงแมลงกลางคืน + เสียงสะล้อ
- วัดพระแก้ว: วัดพระแก้ว ถนนไตรรัตน์ใจกลางเมืองเชียงราย วัดนี้เป็นสถานที่แรกที่ได้ค้นพบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่าในปี พ.ศ. 1897 สมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าครองเมืองเชียงใหม่ ฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ ต่อมาจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่สร้างด้วย หยก ซึ่งก็คือพระแก้วมรกตนั่นเอง ปัจจุบัน วัดพระแก้ว เชียงราย ได้สร้างและประดิษฐานพระหยก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Jade Begins กำเนิดแสงมรกต ใช้เทคนิคแสง Green Light & Laser ติดตั้งเครื่องยิง เลเซอร์วาดภาพพระแก้วมรกตประกอบไฟแสงสีเขียวย้อนรําลึกถึงการค้นพบพระแก้วมรกตเป็นแห่งแรก
- ศาลากลางจังหวัด (เก่า): ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุกว่า 116 ปี เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ช่วยอธิบายความเป็นมาของสังคมเชียงรายสมัยนั้นได้ดียิ่ง เริ่มก่อสร้างและเปิดดําเนินการเมื่อ ปี พ.ศ. 2443 ในสมัยของพระพลอาษาเป็น ข้าหลวงเมืองเชียงราย ดําเนินออกแบบและก่อสร้าง โดยนายแพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ (Dr. William A. Briggs) แพทย์ชาวอเมริกัน ปัจจุบันอาคารศาลากลางจังหวัด เชียงรายหลังเก่า ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2520 ยุติบทบาทในการเป็นอาคารศูนย์กลางการปกครองหัวเมืองเชียงรายมานานกว่า 1 ศตวรรษ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Wiang of Light Wiang of Life อาคารที่สัมพันธ์กับชาวเชียงราย ดูแล พัฒนา และเฝ้า มองการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของเมืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน ใช้เทคนิคแสง Projection 3D Mapping ใน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1: Concept Motion Chiang Rai, Wiang of Light เล่าถึงที่มาของแนวคิดของการจัดงาน นําเสนอ เส้นทางการชมทั้ง 15 จุดแสงในเมือง และเรื่องที่ 2: Content Motion Chiang Rai, Wiang of Life นําเสนอของ ดีของเด่นของจังหวัดเชียงราย เช่น อาหาร วัดธรรมชาติศิลปะ กลุ่มชาติพันธุ์ ชา-กาแฟ ผลไม้ ด้วยกราฟฟิกสนุก ชวนดู
- บ้านสิงหไคล: มูลนิธิมดชนะภัย อาคารโบราณอายุ 103 ปีเรียกกันในชื่อบ้านมิชชันนารี OMF ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลียม เอ.บริกส์ ปัจจุบันได้รับการบูรณะ ปรับเปลี่ยนเป็นที่ทําการมูลนิธิมดชนะภัย โดย บริเวณชั้น 2 เปิดเป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะ และบริเวณชั้นล่างเป็นร้านกาแฟบ้านมด Baanmod CAFE’ และดาษดาสตูดิโอ 2 บ้านสิงหไคลฯ มีเป้าหมายในการเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านสถาปัตยกรรมและเรื่องของภัยพิบัติ รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่เรื่องราวทางศิลปะ เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางด้านสังคมและศิลปะวัฒนธรรมให้กับ ประชาชน เพื่อร่วมส่งเสริมให้เชียงรายเป็นเมืองที่น่าอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเชียงรายเมืองศิลปะ จัด แสดงภายใต้แนวคิด Shape of House ถ่ายทอดความงดงามของบ้านด้วยแสง ใช้เทคนิคแสง Tiny Light Bulbs Par Light ใช้แสงอาบฉาบผิวบ้านด้านนอก และใช้แสงส่องออกมาจากภายในตัวบ้าน ผ่านช่องหน้าต่าง เพื่ออวด สัดส่วนการออกแบบบ้านอันสวยงาม และตกแต่งรอบบ้านด้วยไฟเม็ดถั่ว
- หอประวัติเมืองเชียงราย: เป็นส่วนหนึ่งภายในศูนย์วัฒนธรรมนิทัศน์และพิพิธภัณฑ์เมืองเชียงราย 750 ปีโดยการปรับปรุง อาคารหอประชุมเม็งรายอนุสรณ์เดิม จัดขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านภูมิหลังของ ท้องถิ่น พัฒนาการทางสังคม ประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีในส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ ภายในได้จัดแสดงเนื้อหานับตั้งแต่ยุคสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ยุคของการสร้างบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งเป็นเมืองเชียงรายในปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังจัดแสดงเรื่องราววิถีชีวิต ภูมิปัญญา การเมืองการปกครอง และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าภูมิใจของคนเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Night Museum ขยายเวลาเปิด ดําเนินการภาคกลางคืนสําหรับนักท่องเที่ยวในช่วงงาน ใช้เทคนิคแสง Colorful of Par Light ตกแต่งแสงอาคาร ด้านนอกด้วยไฟหลากสีเพื่อเชื้อเชิญให้เข้าชมนิทรรศการภายในอาคาร
- ตู้โทรศัพท์: ตู้โทรศัพท์สาธารณะหยอดเหรียญ คืออีกหนึ่งของประวัติศาสตร์การสื่อสารของคนเชียงรายที่เปลี่ยนผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนคืนจัดวางไว้ยังหน้าบ้านพักข้าราชการคลัง ริมถนนอันเงียบเหงา จัดแสดงภายใต้แนวคิด Silent Call ใช้เทคนิคแสง Light Inside Box-Phone ติดตั้งแสงภายในตู้โทรศัพท์คืนชีวิต ด้วยสีสันตื่นเต้นชวนมอง พร้อมเสียงโทรศัพท์ประกอบดนตรี
- ต้นไม้ใหญ่: พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าชุมชนในท้องที่จังหวัดเชียงรายมีความสําคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเขตป่าต้นนํ้าปัจจุบัน กําลังได้รับการฟื้นฟูด้วยการทํางานของภาครัฐ เอกชนและประชาชนในพื้นที่ เลือกใช้กลุ่มต้นไม้ใหญ่บริเวณริมถนนสิงหไคล เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า การรักษาระบบนิเวศ และความยั่งยืนร่วมกันของคนเชียงรายกับป่าไม้ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Eco Friendly เลือกใช้กลุ่มต้นไม้ใหญ่บริเวณ ริมถนนสิงหไคล เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า การรักษาระบบนิเวศ และความยั่งยืนร่วมกันของคน เชียงรายกับป่าไม้ ใช้เทคนิคแสง Light Down From Tree ติดตั้ง Mirror Ball บนยอดไม้แล้วยิงแสงกระทบใส่ สร้างซีนแสงแปลกตา
- สวนตุงและโคม: สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา เดิมคือพื้นที่เรือนจําโบราณตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้าเทศบาลนครเชียงราย มีอายุเก่าแก่มากว่า 100 ปี ต่อมามีโครงการให้ย้ายเรือนจําออกไป และปรับพื้นที่จนกลายเป็นลานสาธารณะเป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางนครเชียงราย โดยสวนบางส่วนถูกปรับให้เป็นสวนหย่อม ตั้งอยู่ข้างตึกอํานวยการ ซึ่งเป็นตึกเดิมของเรื่อนจําที่ยังเก็บไว้นอกจากนั้นด้านในยังมีเรือนจําหญิงที่ถูกปรับให้ กลายเป็น อาคารแสดงศิลปะการแต่งกายชนเผ่า 30 ชนเผ่า ข้าง ๆ อาคารมีตุงเฉลิมพระเกียรติความสูง 36 เมตร โดยกรอบตุงมีลวดลายสัญลักษณ์ปีนักษัต โดยใช้ช่างฝีมือของท้องถิ่น และเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองล้านนาร่วมสมัย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Wiang Flower ดอกพวงแสด ดอกไม้ประจําจังหวัดเชียงราย ใช้เทคนิคแสง Light Installation ประติมากรรมดอกพวงแสดส่องแสงประกอบฉากแสงสีส้ม
- โบสถ์คริสตจักรที่ 1 เวียงเชียงราย ได้รับสถาปนาเป็นคริสตจักร เมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1890 โดยไม่มีการก่อสร้างอาคารพระวิหาร ในปี ค.ศ. 1910-1911 นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ บริกส์ จึงรวบรวมเงินจากผู้ศรัทธาถวายได้เงินจํานวนหนึ่ง เพื่อซื้อที่ดินสร้างอาคารพระวิหาร ตั้งอยู่บริเวณประตูเมืองเชียงรายที่เรียกว่า “ประตูสลี” ซึ่งเป็นที่ตั้งคริสตจักรในปัจจุบัน ครั้งเมื่อมหาสงครามเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ราวปี ค.ศ. 1946 เหตุการณ์ช่วงสงครามนั้นนับเป็นเวลายากลําบากสําหรับเหล่าคริสเตียนในการหาพื้นที่สําหรับนมัสการพระผู้เป็นเจ้า ด้วยต้องคอยหลบซ่อนกระทําการตาบ้านพักของสมาชิก เพราะทางการเข้มงวดเรื่องการประชุมเพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายและจารกรรม เมื่อเสร็จสงครามจึงยินดีกันยิ่งนักที่ได้กลับมาใช้โบสถ์นี้เป็นที่นมัสการอีกครั้ง จัดแสดงภายใต้แนวคิด In Light of Faith ด้วยแสงแห่งศรัทธาของคริสตศาสนิกชนเวียงเชียงราย ใช้เทคนิคแสง Light VS Shadow การต่อสู้กันระหว่างแสงและเงา
ภายในงานยังมีกิจกรรม Highlight ซึ่งจะมีการจัดแสดงทุกวันศุกร์-อาทิตย์ บริเวณหน้าศาลา กลางจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) เช่น การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงดนตรี การออกร้าน จากผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมทั้งการมอบสิทธิพิเศษส่วนลดจากร้านค้ามากมาย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่เข้าร่วมในโครงการฯ รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage: Gonorth Thailand โดยผู้ที่สนใจสมารถเดินชมงานในลักษณะ Walking Tour หรือจะ ใช้บริการรถรางนำเที่ยวที่ให้บริการฟรีตลอดงาน หรือพาหนะท้องถิ่นอย่างสามล้อเชียงรายโดยคิดค่าบริการตามระยะทาง
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับพันธมิตรผู้ประกอบการในพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด มอบสิทธิพิเศษ คูปองมูลค่า 500 บาท ให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายภายในงาน หรือใช้เป็นส่วนลดสินค้าหรือบริการด้านการท่องเที่ยว จากผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงรายที่เข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงระยะเวลาจัดงาน รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ผ่าน 2 กิจกรรม ได้แก่
- ร่วมกิจกรรมทางแฟนเพจเฟสบุ๊ก GoNorthThailand ลุ้นรับคูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป
- สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก ณ โรงแรม/ที่พักใน จังหวัดเชียงรายอย่างน้อย 1 คืน ในช่วงระยะเวลาจัดงาน เพียงแสดงคีย์การ์ด / เอกสารการจองที่พัก สามารถรับ คูปองมูลค่า 500 บาท ต่อ 1 ห้องพัก รวมทั้งสิ้น 1,000 รางวัล
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมสีสันบรรยากาศในแต่ละพื้นที่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : GoNorthThailand, www.wiangoflight.com, TAT Contact Center โทร. 1672 Travel Buddy