#ไลฟ์สไตล์

กะปง เมืองเหมืองและเรื่องที่หลงเหลือ

ฐากูร โกมารกุล ณ นคร เรื่อง ฤชากร เป๋าสมบัติ ภาพ

“ผมนอนหลับในกระท่อมอันวังเวงยามดึก โดยมีเสียงคึ่กคั่กของเรือขุดลอยละล่องเมาเป็นเพลงกล่อม ผมทำงานอยู่บนแผ่นดินที่ลมหายใจของดีบุกฟุ้งขึ้นมาจากใต้ธรณี ยืนตากฝนที่มีเศษขี้เถ้าจากปล่องเรือขุดละลายปนลงมา…” บางประโยคจากรวมเรื่องสั้นชุด “เหมืองแร่” งานเขียนคลาสสิกของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ นักเขียนที่ใช้เลือดเนื้อ ชีวิต และความทรงจำครั้งหนุ่มหลังรีไทร์ตัวเองจากวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปสู่ชีวิตคนงานเหมือง จนจบที่คนเซอร์เวย์ ฉายภาพชัดเจนของงานเหมืองไว้บนแผ่นกระดาษ ฉากและชีวิตที่เต็มไปด้วยป่าเขา เงาฝน สายแร่ดีบุก และเสียงเครื่องจักรของเรือขุดแร่คำรามกลางสายคลองกลางป่าลึกของเหมืองกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา

ภาพที่ต่อยอดเป็นตัวหนังสือไม่แตกต่างพื้นที่อื่นในภาคใต้เมื่อราว 70 ปีก่อน โดยเฉพาะในพังงาเอง เสียงคนงานโหวกเหวกกลางขุมเหมืองหรือเรือขุด ควันยาสูบโขมง โรงกาแฟที่เป็นเหมือนศาลามหรสพ ตลาดเล็ก ๆ ตามอำเภอคือความซิวิไลซ์ที่สัมผัสได้ง่ายที่สุด ผู้คนหลายถิ่นทั้งอีสาน คนถิ่นใต้ นายฝรั่ง ล้วนหล่อหลอมโลกของเหมืองแร่ไว้ด้วยบรรยากาศเหล่านี้ ฝนยังพรำสายต่อเนื่องเมื่อเราเข้าสู่อำเภอกะปง ประตูแรกของพังงาหากข้ามอ่าวไทยมาทางเขาสก เมืองเงียบเหงาในวันนี้เก็บอดีตอันเคยเรืองโรจน์ด้วยการทำเหมืองดีบุกไว้ไม่แตกต่างจากรวมเรื่องสั้นชุดนั้นของคุณอาจินต์หลายอย่างตกทอดอยู่ในเครื่องจักรร้าง ย่านโบราณเล็ก ๆ ผู้คนหลากหลายทั้งจีนในตลาดและคนไทยตามควนเขาที่เรื่องเล่าของแทบทุกคนเจืออยู่ด้วยความภูมิใจจากยุคที่ผูกพันกับเหมืองแร่ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งอยู่ในแววตาสามสี่วันกะปง กลางฝนพรำต่อเนื่อง เราทำได้เพียงค่อย ๆ ทำความรู้จักอดีตของพวกเขาผ่านความทรงจำที่พ้นผ่าน

 

แม้ผ่านพ้นยุคเฟื่องฟูของการทำเหมืองไปแล้ว แต่ร้านกาแฟโกฉิ่ง ตรงพิกัดที่มักใช้จัดงานถนนคนเดินปากถัก ก็ยังคงมีชายหลากวัยเป็นลูกค้าขาประจำตั้งแต่เช้ามืด แสงทึม ๆ ด้านใน ควันน้ำร้อนพวยพุ่ง ขณะที่ด้านนอก เฒ่าชราเชื้อสายจีนที่แต่ละคนเต็มไปด้วยอดีตของงานเหมืองไม่ด้านในก็ด้านหนึ่งมักนั่งถกถึงเหตุการณ์บ้านเมืองผ่านกาแฟหรือชาร้อนสักแก้ว ปากถักคึกคักพอประมาณในยามเช้า พอสายหน่อยก็เงียบสงบตามแบบฉบับเมืองเล็ก ๆ กลางหุบเขาของพังงาทางเดินสองฟากคือภาพปัจจุบันอันมีที่มาจากคนรุ่นปู่ย่า ว่ากันว่าที่ดินที่กลายเป็นห้องแถวหน้าตาวินเทจนั้น ได้รับการยกกรรมสิทธิ์จากบริษัทเรือขุดจุติ กะปง (จำกัด) ครั้งหลังสิ้นสุดยุคสัมปทานทำเหมือง คนจีนทั้งแต้จิ๋ว ไหหลำ และฮกเกี้ยน ต่างปักหลักฝังรากหลังยุคที่ราคาดีบุกในตลาดโลกลดลงฮวบฮาบในปี พ.ศ. 2524 และปิดฉากความเฟื่องฟูในปี พ.ศ. 2528 การค้าและรูปแบบวัฒนธรรมที่ติดตัวพวกเขามาต่างซุกซ่อนสีสันไว้ในปากถัก

คนปากถักและตำบลใกล้เคียงจะรวมตัวกันคึกคักหน่อยก็ด้วยมี “หลาดในหมอก” ตลาดนัดขายสินค้าทั้งของสด ของแห้ง ข้างของเครื่องใช้จิปาถะ ที่มาออกร้านตรงลานกว้างหลังตลาด มองไกลไปด้านหลัง หมอกฝนห่มคลุมทิวเขา มีบ้างเหมือนกันที่พ่อค้าแม่ค้าคนปากถักเองจะไปจับจองพื้นที่ออกร้านด้วย แต่ส่วนใหญ่พวกเขาเลือกจะไปเดินเล่นซื้อหาของและพบปะกันเสียมากกว่า

วันทั้งวันตลาดปากถักขับเคลื่อนตัวเองไปด้วยภาพเช่นนี้ เช้า ๆ ตามร้านกาแฟเป็นที่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของเหล่าผู้ชาย เด็ก ๆ และคนจะไปทำธุระในเมืองขึ้นรถสองแถวไม้ของ “โกบัติ” ที่เหลืออยู่เพียงคันเดียวในกะปง ออกไปตั้งแต่เช้า ร้านป้าเมียดคลาคล่ำลูกค้าโดยเฉพาะเที่ยง ๆ รถเมล์ส้มสายพังงา-คุระบุรีผ่านมาวันละสองสามรอบมุมหนึ่งของกะปงถ่ายทอดปัจจุบันที่ผ่านผันยุคเฟื่องฟูไว้เช่นนี้ ชีวิต การค้า และสัมพันธภาพที่หาสัมผัสได้ผ่านอาหารการกินและการดำรงตนในเมืองเล็ก ๆ ขณะที่หากใครอยากเห็นภาพเรืองโรจน์ของยุคเหมืองแร่นั้น ดูเหมือนต้องใช้เวลานั่งลงทำความรู้จักผู้คนที่นี่ และค่อย ๆ ควานหาเอาจากความทรงจำ

 

ทุกวันนี้ ในกะปงเต็มไปด้วยความหลากหลายในหนทางทำกินที่ซุกซ่อนภูมิปัญญาดั้งเดิมไว้ตามซอกเล็กซอกน้อยของภูเขา คนบ้านปลายพู่หยิบจับเอาใบไม้และหมวกทรงโบราณ รวมไปถึงทักษะการจักสานขึ้นพัฒนางานฝีมือ ไม่ใช่แค่หมวก แต่ยังรวมไปถึงภาชนะจักสานน่าซื้อหาใช้สอยต่าง ๆ เช่น ตะกร้าหลายไซส์หลายทรง หมวก ฯลฯ ในนามของ “กลุ่มจักสานใบร่มข้าวบ้านปากพู่” กลางป่าเขา ลึกเข้ามาถึงสายคลองและเรือกสวนที่ยืนหยัดตัวเองอยู่ในป่าฝนอันฉ่ำชื้น มีใครหลายคนตรงนั้นดิ้นรนทนสู้พลิกฟื้นแผ่นดินที่เคยบอบช้ำจากการทำเหมือง ดูแลบำรุงจนมันแข็งแรงพอจะรองรับพืชผลต่าง ๆ หยิบจับเอาใบใม้และพืชพรรณที่พวกเขาเคยคุ้น นำมาต่อยอดเพื่อเลี้ยงดูชีวิตในวันนี้ ต้นไม้ สายฝน แผ่นดิน และผู้คนตรงนั้นต่างหาก ที่ทำความเข้าใจและอยู่กับมัน ก็ดูเหมือนทางเดินชีวิตของพวกเขาจะเป็นเรื่องจริงแท้ จากยุคสู่ยุค จากทรัพยากรใต้ดินสู่ความงดงามของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีกิจกรรมล่องแพยางตามธารน้ำตกคลองหินลาดที่ชุมชนจัดขึ้นเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวยามฤดูที่สายน้ำไม่เชี่ยวกราก โลกสีเขียวของสายน้ำและป่าเขาที่อำเภอเล็ก ๆ ของพังงาแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลซึ่งทำให้ใครบางคนเลือกเข้ามาเยือนกะปงชนิดที่ไม่ปล่อยให้คุณค่าของที่นี่เป็นเรื่องผ่านเลย

“โชคชะตาของพวกเราฝังนิ่งอยู่ในลำธารและสิ่งที่เราเจอบนพื้นดิน ถ้าเราจอแร่ดีบุก เราก็เจอโชคชะตาของเรา”คลองเหลไหลขนาบไปตามหมู่บ้านทั้ง 6 ในเขตตำบลเหล เรายืนอยู่ริมตลิ่งในเขตบ้านช้างเชื่อ ขณะที่ชาวบ้านร่วมสิบคนจ่อมจมตัวเองอยู่ในลำคลองที่เคียงข้างพวกเขามาแต่ยุคบรรพบุรุษแม้จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ทำเหมืองมากที่สุดในเขตอำเภอกะปง ทว่าทุกวันนี้คงหลงเหลือเพียงคนร่อนแร่กลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังพอจะทำมาหากินอยู่กับการร่อนแร่ตามเนื้อดินและสายน้ำตามลำคลอง“เขามาทำเป็นอาชีพเสริมกันแล้วครับ ไม่เหมือนแต่เดิมที่ใครต่อใครต่างก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับเหมือง” โกอุ่น-ประสุด หอมหวล พาเรามาสัมผัสรูปแบบการทำกินในอดีตที่ยังตกทอดอยู่ในชีวิตของชาวบ้านบ้านช่างเชื่อ พวกเขามีเลียงร่อนแร่ทรงกลม เบา เนื้อบาง ทำจากไม้เนื้ออ่อน ที่ต่างคนต่างทะนุถนอมของตนเองราวกับสมบัติล้ำค่า ตรงริมตลิ่งหรือร่องน้ำที่ไหลแรงรี่ เนื้อดินถูกกำหยิบขึ้นในเลียง ปล่อยให้น้ำไหลผ่านและร่อนมันตามรัศมีวงกลม ไม่นานแร่ดีบุกสีดำก็จับเป็นตะกอนตรงตูดเลียง ขณะดิน ทราย และส่วนเกินอื่น ๆ ไหลหายไปกับสายน้ำ

“เหมืองแร่คือความหลังที่ผมหวงแหน ด้วยมันได้เอาอดีตส่วนหนึ่งของผมไปครอบครองไว้”ใช่เพียงแต่นักเขียนผู้เคยประพันธ์งานชั้นเยี่ยมคนนั้น ที่มีความหลังเกี่ยวกับเหมืองแร่ให้หวงแหน ผู้คนตรงนี้ก็เช่นกัน พวกเขามีวันเวลา ความเหน็ดเหนื่อย รอยยิ้ม และหยาดน้ำตาให้ระลึกถึงไม่แตกต่าง ในวันที่ใครต่อใครต่างก็ตั้งความหวังถึงชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการเดินทางมาสู่เหมืองและในวันหลายสิ่งยังคงทำหน้าที่ของมัน ทั้งป่าเขา ลำธาร ย่านตลาดเก่าแก่ ก็ดูเหมือนผู้คนตรงนี้ต่างผ่านการยอมรับและเข้าใจในตัวตนที่ยังหลงเหลือ ที่ต่างก็ได้ก้าวข้ามผ่านยุคสมัยมาด้วยกัน เลือกเก็บจำความหอมหวานของอดีตไว้ลึกที่สุด และพร้อมจะก้าวเดินต่อไปตามจังหวะของพื้นที่เล็ก ๆ ที่พร้อมจะคอยรอพวกเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

22/07/68 เวลา 04:27 น.