#ธรรมชาติ

การเดินทางของดวงดาว บนแผ่นดินอีสาน

อนิตา บุญเนือง เรื่องและภาพ

 

ดวงดาวบนท้องฟ้าสร้างความตื่นตาให้กับเราได้อย่างมากมาย แม้จะเป็นเพียงท้องฟ้าจำลองที่โรงเรียนพาไปเรียนรู้เรื่องราวของระบบจักรวาล ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนได้ออกไปท่องอวกาศ ทว่าความรู้สึกต่าง ๆ เปลี่ยนไป เมื่อได้ไป “บ้านยาย” ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เชิงเทือกเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช จากระเบียงหลังบ้านยายยามค่ำคืน เสียงหรีดหริ่งเรไร ความเย็นชื้นของผืนป่า และมีแสงไฟวอมแวมอยู่ตามสวนยาง ทำให้เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าทอแสงกระจ่าง ระยิบระยับ ทั้งยังได้เห็นดาวตก วูบวาบ ขีดเส้นบนท้องฟ้า ตื่นเต้นมาก ๆ นั่นเป็นประสบการณ์แรก ๆ ในชีวิตที่ได้สัมผัสความรู้สึกถึงเหล่าดวงดาว

ป่าหินงาม จากก้อนหินถึงดวงดาว
การเดินทางเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเวลาค่ำคืน เกิดขึ้นในหลายโอกาสและสถานที่ ครั้งนี้ผู้เขียนจะขอนำทุกท่านไปสัมผัสแหล่งดูดาวและถ่ายภาพดาวในภาคอีสาน สถานที่ปลอดภัย และน่าสนใจยิ่งนัก การได้ไปอยู่เงียบ ๆ กับค่ำคืนดี ๆ ทำให้เรามีความสุขท่ามกลางหมู่ดาว จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ชัยภูมิ เข้าไปยังอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หลังจากจัดการต่าง ๆ เรียบร้อย คุณ สัก พยัคไพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่มาดูแลพวกเรายามค่ำคืน ทว่าก่อนไปต่อสู้กับสายลมหนาวทั้งคืน เราเลือกที่จะหาของกินอัดเต็มท้องกันให้เรียบร้อยก่อน หลายคนอาจจะไม่มีโอกาสมากนักในการออกไปสัมผัสดวงดาว ทว่าหลายช่วงของชีวิตล้วนเข้าไปผูกพันกับการเคลื่อนย้ายของดาว ผ่านความรู้ ความเชื่อในด้านโหราศาสตร์ ที่ส่งผ่านการสังเกตการเคลื่อนที่ของพระจันทร์ และดาวต่าง ๆ ในการกำหนดฤดูกาล รวมถึงประเพณีต่าง ๆ

นอกจากนี้การศึกษาเรื่องราวของอวกาศ ท้องฟ้า และหมู่ดาว โดยนักดาราศาสตร์ก็มีแง่มุมที่มีความน่าสนใจมากมาย กิจกรรมถ่ายภาพดาวและท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ในที่สุดก็ได้เวลาออกไปสัมผัสช่วงเวลาพิเศษ จากลานจอดรถเดินไปยังจุดถ่ายภาพ ซึ่งมีหินที่โดนกัดกร่อนเป็นรูปร่างแปลกตาเป็นฉากหน้า เราเลือกหินเรดาห์ เป็นจุดแรกในการถ่ายภาพดาวค่ำคืนนี้ ความมืดของพื้นที่ทำให้ดาวกระจ่างขึ้นมา พักพอหายเหนื่อย ก็เริ่มเซ็ตกล้องเพื่อถ่ายภาพ ใช้เวลาไม่นานนักก็เรียบร้อย จากนั้นระบบของกล้องจะทำงานโดยอัตโนมัติตามจำนวนภาพที่ได้ตั้งค่าไว้ “ในคืนที่ฟ้านี้มีแต่ความมืดของดาว รู้สึกเหน็บหนาวเมื่อไม่มีใครเคียงข้างกาย อยากให้ท้องฟ้านี้ มีแต่ดาวอันพร่างพราย เติมชีวิตให้มีความหมาย ด้วยใจใครสักคน” บทเพลงของ โมเดิร์นด็อก ดังขึ้นมาในหูขณะที่กำลังนั่งมองท้องฟ้าที่มีดาวระยับอยู่นับไม่ถ้วน หริ่งหรีดแถวนั้นก็ร้องกันระงม ทำให้ไม่อาจจะจมอยู่กับเพลงในหัวได้นาน ดาวบนท้องฟ้าระยิบระยับราวกับกำลังเต้นระบำไปพร้อม ๆ กับบทเพลงของผืนป่าแห่งนี้

เราขยับไปตามหินรูปร่างแปลกตาตลอดทั้งคืน อากาศหนาว ลมแรง ทางช้างเผือกพ้นขอบฟ้าขึ้นมาทีละน้อย เป้าหมายเป็นหินฟีฟ่า ซึ่งรูปทรงคล้ายกับถ้วยฟุตบอลโลก เพื่อให้ได้ภาพเท่ ๆ กับทางช้างเผือก คนชอบถ่ายภาพส่วนใหญ่ จะไม่พลาดกับช่วงเวลาพิเศษแบบนี้
แสงแรกค่อย ๆ จับขอบฟ้า หมู่ดาวที่สะพรั่งยามค่ำคืนจางลงจากผืนฟ้า ปล่อยให้ช่วงเวลาเช้าเข้ามาแทนที่ พวกเราเก็บอุปกรณ์และเดินออกมายังลานจอดรถด้วยความอ่อนเพลีย ทว่าในจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

แคมป์ภูแลนคากับดาราพราย
ความสุขของการได้เฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน นำเราออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ หลายครั้งโอกาสดีท้องฟ้าปลอดโปร่ง แต่หลายครั้งก็เจอเมฆหนาบดบัง ถึงอย่างนั้นความสุขที่ได้ออกไปตั้งแคมป์ กางเต็นท์ ทำอาหารง่าย ๆ ก็สร้างความสุขได้ดีเช่นกัน อุทยานแห่งชาติภูแลนคา อยู่ไม่ไกลกันกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่นี่เป็นอีกแหล่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการมาพักผ่อน ตั้งแคมป์ ดูดาว ถ่ายภาพดาว เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เราเลือกผาหัวนาค เป็นจุดตั้งแคมป์ในครั้งนี้พร้อมกับเพื่อนร่วมลานที่ค่อนข้างอบอุ่น

ช่วงบ่ายจึงช่วยกันกางเต็นท์และมุงหลังคากันน้ำค้าง เอาโต๊ะเก้าอี้สนาม มากางนั่งพักผ่อนสบาย ๆ พร้อมกับช่วยกันทำอาหารเย็นแบบสนุก ๆ บางทีการได้ออกมาทำกิจกรรมแบบนี้ก็ช่วยให้ชีวิตมีความสุขเหมือนกัน ที่สำคัญ เหมือนทำเล่น ๆ แต่กินได้…ช่วงใกล้ค่ำเราย้ายไปยังกลุ่มหินโขลงช้าง เพื่อเก็บบรรยากาศเส้นแสงดาว หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปไม่นาน เสียงชัตเตอร์ก็เริ่มดังต่อเนื่องจากกล้องที่วางอยู่หลายตัว เราเลือกเลนส์ไวลด์เพื่อเก็บมุมของหินและเส้นแสงดาว ระหว่างนี้ก็คุยกันเบา ๆ ใต้ท้องฟ้าระยิบระยับเวลาหมุนไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มดาวต่าง ๆ เปลี่ยนตำแหน่งบนท้องฟ้า เพราะโลกหมุนไปอย่างสม่ำเสมอ เสียงของแมลงกลางคืนยังขับกล่อมเบา ๆ ใครบางคนในกลุ่มบอกว่าย้ายไปถ่าย “มอหินขาว” กันต่อดีกว่า เพราะระยะทางห่างกันเพียงนิดเดียว ทำให้มีจุดถ่ายภาพหลากหลาย ได้มุมเจ๋ง ๆ กลับมาแน่นอน

มอหินขาว ในช่วงหลังเที่ยงคืนเงียบสงบ มีเพียงแท่งหินใหญ่ตระหง่านท้าทายกาลเวลา เราเลือกมุมทางทิศใต้ในการวางกล้อง เพื่อจะหันไปเห็นดาวเหนือ และเส้นแสงดาวที่ได้จะเป็นวงกลม การถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้นมาก เพราะกล้องรุ่นใหม่มีความสามารถที่ดีขึ้น ภาพที่ได้ก็สดใสขึ้น การถ่ายดาว จึงเป็นกิจกรรมยอดนิยมของนักเดินทางมากขึ้น ลมเย็นพัดขึ้นมาจากหน้าผาชัน พวกเรานั่งเงียบ ๆ มองดูหมู่ดาวเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ เราขยับเปลี่ยนมุมกันอย่างอ้อยอิ่ง ช่วงเวลาของค่ำคืนก็ทำให้ใจฟูไม่น้อย เพียงแต่หาสถานที่เงียบ ๆ มีแสงไฟรบกวนน้อย ก็สามารถทำกิจกรรมนี้ได้อย่างดีแล้ว แสงแรกเริ่มสาดขอบฟ้าทิศตะวันออก ท้องฟ้าเริ่มมีสีสันเปลี่ยนไป เราเก็บกล้องและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อกลับไปยังเต็นท์ที่กางไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ความสุขง่าย ๆ แค่ออกมาอยู่กับความมืด อยู่กับตัวเอง อยู่กับช่วงเวลาที่อบอุ่นใจ

เหล่าสัตว์ป่าและดวงดาว…ภูเขียว
เสียงรูดซิปค่อย ๆ ดังทีละอันจนครบจำนวนคน เราก้าวลงจากเปลที่นอนกันอย่างระวัง เพราะบริเวณที่พักสุดหรูของเราเต็มไปด้วย “ทาก” จำนวนมาก เราแยกย้ายกันไปล้างหน้าแปรงฟัน ทำธุระส่วนตัวต่าง ๆ เพื่อที่จะเตรียมตัวไปถ่ายแสงเช้าบริเวณทุ่งกะมัง ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น เสียงของสัตว์น้อยใหญ่ร้องระงมดังไปทั่ว หมอกขาวค่อย ๆ ไหลไปตามยาวของแนวหญ้ารก เนื่องจากความชื้นสูง แสงเช้า ลอดผ่านช่องเขาสาดลงมายังสายหมอก เก้ง กวาง นกยูง ไก่ป่า เริ่มออกหากินตามทางและทุ่งหญ้า เราลงจากรถและค่อย ๆ เดินเข้าไปเพื่อบันทึกเรื่องราวของธรรมชาติ

สิ่งสำคัญที่เราต้องมองเวลาเข้าป่า ใช่เพียงสัตว์ใหญ่ แต่เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของพวกมันอีกด้วย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อีกหนึ่งที่ที่คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาด ในช่วงกลางวันมีสัตว์ป่ามากมายให้เราได้ทำความรู้จัก ทั้งนกนานาชนิด นกยูง กวาง เก้ง เนื้อทราย หรือหากใครโชคดี ก็มีโอกาสที่จะได้เจอกับหมาใน หรือไม่ก็ช้าง พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลับเหลี่ยมเขา อากาศเย็นเริ่มเข้าปกคลุม หมอกค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง สัตว์หลายชนิดแยกย้ายกันกลับเข้าป่า เพื่อที่จะพักผ่อน ทว่าทากเหมือนจะไม่หลับ เพราะมันหาดูดเลือดเราทั้งคืน… หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จ ก็เตรียมอุปกรณ์ที่จะไปถ่ายดาวกันในคืนนี้ ซึ่งที่นี่จะต้องขับรถไปอีกหน่อย เมื่อไปถึง ดูมุม ทิศทาง ฉากหน้า เลือกได้แล้ว เราก็จัดการตั้งค่ากล้องกันอีกครั้ง

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดเข้าปกคลุมอย่างไม่รอรี เสียงต่าง ๆ ที่เคยดังกลับเงียบลง ทว่าไม่ได้สงัดไปเสียทีเดียว ยังมีเสียงจักจั่นอยู่เป็นระยะ เสียงย่ำหญ้าของสัตว์ในทุ่ง เนื้อทรายบางส่วนก็นอนนิ่ง ๆ อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ฤดูนี้ทางช้างเผือกไม่เด่นชัดมากนัก แต่ก็ทำให้รู้ว่าภูเขียว เป็นแหล่งที่ดีมาก ๆ ในการถ่ายดาว ถ่ายธรรมชาติ สัตว์ป่า เราถ่ายกันไม่นานนัก ได้ภาพที่ต้องการเรียบร้อย ก็เก็บอุปกรณ์ขึ้นรถกลับไปยังที่พัก ซึ่งเราผูกเปลง่าย ๆ ในอาคารเอนกประสงค์ ความสุขจากการเดินทางก็เช่นนี้แหละ บางทีแค่ง่าย ๆ ก็อิ่มเอม
ปัจจุบันได้มีการประกาศเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งที่ดูแลโดยส่วนราชการ และเขตอนุรักษ์ของเอกชน เพื่อรณรงค์ให้สังคมได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้แสงสว่างมากเกินไป และเป็นการเพิ่มโอกาสให้มีการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยทั้ง ๓ แหล่งที่ผู้เขียนนำเสนอล้วนได้รับการจัดให้อยู่ในอุทยานท้องฟ้ามืดทั้งสิ้น

เรื่องราวของการออกไปแคมป์ เรียนรู้ ทำความเข้าใจกับตัวเอง กับโลก กับดวงดาวต่าง ๆ มีความเชื่อมโยงกับมนุษย์มายาวนาน และการมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ละมุนละไมกับชีวิตอย่างยิ่ง บางทีการได้ออกไปสัมผัสช่วงเวลาแบบนี้ ทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง และสุดท้าย ได้เห็นตัวเองมีความสุขท่ามกลางหมู่ดาวระยิบระยับ…
“ดาวนับแสนที่มีวงแหวนนับร้อย ทั้งดาวเคราะห์น้อย ดาวฤกษ์ลอยคว้างคว้าง ดาวทุกดวงนั้นย่อมจะแตกต่างมีเส้นทางหมุนของตัวเอง”

21/10/68 เวลา 02:25 น.